มวยอัจฉริยะ 12 สิงหาคม 1982 สถานีวิทยุของสหรัฐฯที่ออกอากาศเป็นภาษาสเปนเพื่อชาวฮิสแปนิก (กลุ่มของผู้คนจากประเทศกล่าวภาษาสเปน) ที่เป็นกลุ่มเป้าหมาย

มวยอัจฉริยะ ความโศกเศร้าเกิดขึ้นในวงการหมัดมวยและก็ชาวชาวเม็กซิโกในทันทีทันใด เพราะเหตุว่า ซัลวาดอร์ ซานเชซ เวลานี้แก่ 23 ปี แม้ว่าจะยังชายหนุ่มยังแน่น แต่ว่าก็เป็นแชมป์โลกที่คุ้มครองสายรัดเอวได้หลายยุค รวมทั้งถูกชูให้เป็นนักมวยรุ่นเฟเธอร์เวตที่ดีเยี่ยมที่สุดในประวัติศาสตร์

โชคร้ายที่เขาไม่ทันได้พิสูจน์ให้โลกรู้ชัดกว่านี้ เขาจากไปในฐานะเม็กซิกันแหกคอก แปลกประหลาดที่สุด และก็เก่งที่สุดที่สำคัญ การจากไปของเขา ยังหาบทสรุปมิได้จนกระทั่งขณะนี้ วิจารณ์มวยไทยวันนี้

“สู้แบบพวกชาวเม็กซิโก” กลุ่มคำนี้ถูกเอ่ยขึ้นเมื่อไม่กี่ปีกลายโดย คอเนอร์ แม็คเกรเกอร์ นักสู้ MMA ดีกรีแชมป์รวมทั้งไอคอนของแวดวง โดยเจ้าตัวปรารถนาสื่อความว่า เป็นการสู้แบบยิบตาทำทุกสิ่งเพื่อชัยแม้ว่าจะถูกตายติดอยู่เวทีก็ตาม

ในความเป็นจริงแล้ว นี่เป็นปรัชญาของนักต่อยชาวเม็กซิโกจริงๆประเทศนี้ขึ้นชื่อลือนามหัวข้อการสร้างนักต่อยระดับแชมป์โลก รวมทั้งแชมป์โลกแม้กระนั้นคนไม่ว่าจะเป็น องค์การอนามัยโลกลิโอ เซซาร์ ชาเวซ หรือ ฮวน มานูเอล มาร์เกซ ก็สู้อย่างนี้ทั้งหมด พวกเขาเป็นมวยไฟเตอร์ขนานแท้ และไม่น่าอัศจรรย์ที่คอมวยดูเหมือนจะทุกคนรู้สึกสนุกสนานเป็นพิเศษในรายการชิงชนะเลิศโลก ที่มีเหล่ายอดความสามารถดินแดนจังโก้เข้าท้าทายชิง

มวยอัจฉริยะ

เหตุผลที่พวกเขาสู้กันยิบตาแล้วก็ทุ่มตลอดชาติเพื่อได้ชัย จะต้องย้อนกลับไปไกลในตอนการปฏิวัติเม็กซิโกในตอนปี 1910-1920ในเวลานั้น “หมัดมวย” เป็นอย่างเดียวที่จะทำให้ชาวเม็กซิโกที่ยากจนข้นแค้น

มีบัตรผ่านทางออกไปเมืองนอกประเทศเพื่อหนีชีวิตอันแร้นแค้นในเวลานั้น ใครๆก็ต้องการเป็นนักมวย ก็เลยทำให้มีคู่แข่งขันเยอะแยะเยอะไปหมด มีคนเพียงแค่ปริมาณหนึ่งถือมือเพียงแค่นั้นที่กำลังจะได้ช่องทาง พวกเขาก็เลยดูดซึมสภาพแวดล้อมและก็กลั่นออกมาเป็นมวยสไตล์ดุเดือดบนสังเวียนนั่นเอง

ซัลวาดอร์ ซานเชซ แตกต่างกับทางของนักต่อยเพื่อนร่วมชาติผู้คนจำนวนมากอยู่พอเหมาะพอควร เนื่องจากเขาคนนี้มิได้ยากจนข้นแค้น รวมทั้งครอบครัวก็มิได้มาจากชนชั้นกรรมกรที่ยากจะลืมตาอ้าปาก ครอบครัวของ เฉลียงเชซ นั้นเป็นชนชั้นกลาง มีฐานะในระดับพอมีพอกินแล้วก็มีการศึกษาเล่าเรียน

สิ่งที่ทำให้ ซานเชซ หันมาเป็นนักมวย เป็นเขาถูกใจมวยจริงๆจนกระทั่งขั้นจำต้องลาออกจากสถานศึกษาตอนอายุ 14 ปี แล้วก็เก็บกระเป๋าเข้าไปในเมืองหลวงอย่าง ประเทศเม็กซิโก สิตี้ เพื่อศึกษาเล่าเรียนศาตร์และศึกษาการเป็นเลิศมวยที่สมัย เวทีมวยลุมพินี

เขาใช้เวลาปีเดียวก็ขึ้นสังเวียนมวยสากลสมัครเล่น จวบจนกระทั่งอายุครบ 16 ปี เขาก็เทิร์นโปรโดยทันที จากการช่วยสนับสนุนของโปรโมเตอร์มวยที่มีอาชีพเป็นทนายความอย่าง โคนร์เรส ลันดา

การได้พบกับ ลันดา ถือได้ว่าควาชมรมที่เปลี่ยนแปลงอนาคตของ ซานเชซ อย่างแท้จริง ลันดา มีการคิดแผนในระยะยาวตามนิสัยของทนาย และก็โน่นทำให้เขาเลือกคิดแผนให้ ซานเชซ เบาๆโตไปทีละลำดับๆถึงแม้ว่าในเวลานั้น ช่วงอายุ 17 ปี จะมีคนกล่าวว่าควรจะดัน ซานเชซ ขึ้นไปต่อยสู้เพื่อการเป็นแชมป์โลกในรุ่นเล็กก็ตาม

ลันดา เบาๆเอา ซานเชซ ต่อยในเวทีระดับเล็กๆก่อน ก่อนจะเริ่มแปลงเป็นแถวหน้าในประเทศเม็กซิโก สิตี้ กล่าวได้ว่ากวาดยกประเทศ ชนะน็อกแบบ TKO จนถึงเกือบจะสะอาดลิสต์ ส่วนการแพ้เพียงแต่ครั้งเดียวที่เกิดขึ้นในชีวิตของ ซัลวาดอร์ ซานเชซ เป็นการแพ้ให้กับ อันโตนิโอ เบเซร์ร่า

มวยอัจฉริยะ

ในไฟต์ชิงชนะเลิศรุ่นแบนตัมเวตของประเทศเม็กซิโก เมื่อปี 1977 ซึ่งในช่วงเวลานั้นเขาอายุเพียงแค่ 18 ปี กระดูกมวยยังต้มไม่เข้าท่าเข้าทาง แต่ว่าก็เป็นการแพ้แบบใกล้เคียงอย่างไม่เป็นเอกฉันท์

ภายหลังการพลาดคราวนั้น อันนำมาซึ่งการก่อให้เกิดการขยับสู่รุ่นเฟคุณร์เวต ไม่เคยมีเมื่อไหร่อีกเลยที่ ซัลวาดอร์ ซานเชซ จะหลงเหลี่ยมนักมวยคนใดกันก็ตามบนโลกใบนี้ ภายหลังพ้นสมัย 70s ไปสู่สมัย 80s นับว่าเป็นระยะเวลาอันควร แล้วก็เขาแก่ 21 ปีแล้ว ร่างกายฟิตปั๋ง ความสดใหม่ ความเก๋าเริ่มเข้าที่เข้าทาง ลันดา ก็เลยพาเขาไปรู้จักกับ ดอน คิง และก็จากนั้นประตูสู่อเมริการวมทั้ง เมดิสัน สแควร์ การ์เด้น อันเป็นมหาวิหารของแวดวงมวยโลกก็เปิดต้นรับ ซัลวาดอร์ ซานเชซ ในทันทีทันใด

“ผมจะเริ่มที่ไหนดี?.. สไตล์การต่อยของ ซานเชซ นั้นแปลกรวมทั้งทันสมัยมากมายๆผมไม่เคยพบมวยที่มีน้ำอดน้ำทนขนาดเขาเลยตลอดอาชีพผู้สื่อข่าว” เซร์คิโอ บอร์เกส คอลัมนิสต์ด้านมวยเขียนบรรยายสรรพคุณของ ซานเชซ ในเว็บ The Punchline

“ไม่ว่าการต่อสู้เป็นแบบไหน ผมไม่เคยมองเห็นเขาหืดขึ้นคอหรือหายใจไม่ทันเลยสักหนึ่งครั้ง ภาวะของเขาราวกับคนขึ้นไปฝึกฝนบนยอดดอยเอเวอเรสต์มา 4 เดือน ทรงมวยแข็งโป๊ก เก็บความรู้สึกรวมทั้งสีหน้าท่าทางเก่งเช่นเดียวกันกับเป็นเซียนโป๊กเกอร์ คางของเขาคงจะแข็งดังหินแกรนิต แม้กระทั่งโดนต่อยจังๆยังยากเลยที่คุณจะมองเห็นเขาตกใจ”

“ส่วนการต่อยนั้น หมัดที่หนักเยอะที่สุดเป็นหมัดฮุก ส่วนหมัดตรงของเขาชัดแล้วก็ถูกต้องแม่นยำดี ฟุตเวิร์กและก็การเคลื่อนที่เหลี่ยมมวยจัดว่าเป็นยอดเยี่ยม เขาใช้ฟุตเวิร์กแทบตลอดระยะเวลา เผลอแป๊บเดียวเขาจะไปโผล่ที่หน้าคุณ และโป้ง ซัดคุณเข้าให้.. ถึงในเวลานี้ผมยังไม่เคยมองเห็นนักสู้คนไหนกันที่เพอร์เฟ็คเท่า ซานเชซ

ถึงแม้ว่าจะเอาเทคโนโลยีตอนนี้มาช่วยปั้นนักมวยสักคน ผมก็มีความคิดว่า ความอุตสาหะจะสร้างนักมวยคนหนึ่งให้จำลองแบบมาจากเขานั้น มันเป็นอะไรที่เสียเปล่า” บอร์เกส พูดยาว

การบอกกล่าวของคอลัมนิสต์เพียงผู้เดียวบางครั้งอาจจะไม่มากพอสำหรับในการเชื่อตาม แต่ว่าตกลงว่าในปี 1981 วารสาร The Ring ที่นับว่าเป็นสื่อสิ่งพิมพ์คู่แวดวงมวย ได้ยกให้ ซานเชซ เอารางวัลนักต่อยที่เยี่ยมยอดที่ปีร่วมกับ ยกการ์ เรย์ เลียวนาร์ด มวยเชิงระดับตำนานที่สมัย 80s ก็ตามใจ.. เพียงเท่านี้คงจะเพียงพอคอนเฟิร์มความยอดเยี่ยมของ ซานเชซ ได้ไม่มากมายก็น้อย

สไตล์การต่อยที่มิได้บ้าแลกเปลี่ยน ฝ่าแหลก รุกสิ่งเดียว แม้กระนั้นผสมมวยยุคใหม่เข้าไป โน่นเป็นการดึงจังหวะ หลีก แล้วก็ตั้งรับ ไม่ใช่ไม่เหมือนกันเดียวของ ซานเชซ ถ้าเทียบกับนักมวยเม็กซิกันคนอื่นๆข้อแตกต่างแบบกระจ่างแจ้งที่สุดของ ซานเชซหมายถึง”การฉลาดในการดำเนินชีวิต” แบบที่นักมวยแชมป์โลกชาวชาวเม็กซิโกหลายคนทำไม่ได้

แม้กระนั้นถึงจะกล้าหาญขนาดนั้น ซานเชซ กลับมิได้มีความคิดที่จะเป็นนักมวยและก็อยู่กับความโด่งดังเดิมๆไปชั่วชีวิต ภายหลังคุ้มครองแชมป์รุ่นเฟเธอร์เวตได้ทั้งปวง 7 ครั้ง ตอนอายุ 22 ปี เขาตั้งมั่นจะวางมือและก็ออกมาศึกษาต่อ เพราะว่ามั่นใจว่าการเรียนรู้เป็นความยั่งยืนและมั่นคงของชีวิตที่จริงจริง

ปริศนาที่ยังไม่มีคำตอบเกี่ยวกับ ซานเชซ มีอยู่ 2 อย่าง เรื่องแรกเป็นเขาจะไปไหนและก็ไปทำอะไรก่อนที่จะเกิดอุบัติเหตุตอนนั้นกันแน่? ส่วนอีกหัวข้อ เป็นเรื่องราวบนสังเวียนที่ทุกคนไม่สามารถที่จะหาคำตอบได้